|
|
สารป้องกันแมลงศัตรูพืชที่ผลิตจาก
สารเร่ง พด.7 เป็นปุ๋ยอินทรีย์น้ำที่ได้จากการย่อยสลายพืชสมุนไพร
โดยกิจกรรมจุลินทรีย์ในสภาพที่ไม่มีออกซิเจน ได้ของเหลวสีน้ำตาลใส
ซึ่งประกอบด้วยกรดอินทรีย์หลายชนิดในปริมาณสูง รวมทั้งสารออกฤทธิ์ประเภทต่าง
ๆ และสารไล่แมลงที่สกัดได้จากพืชสมุนไพรชนิดนั้น ๆ ใช้ในการป้องกันแมลงศัตรูพืช |
|
|
สารเร่ง
พด.7 |
เป็นเชื้อจุลินทรีย์ที่มีคุณสมบัติในการเพิ่มประสิทธิภาพการหมักและย่อยสลายพืชสมุนไพรชนิดต่าง
ๆ ในสภาพที่ไม่มีออกซิเจน เพื่อผลิตสารป้องกันแมลงศัตรูพืช |
|
|
|
ชนิดของจุลินทรีย์ในสารเร่ง
พด.7 |
|
|
ยีสต์ผลิตแอลกอฮอล์
และกรดอินทรีย์ |
|
แบคทีเรียผลิตเอนไซม์เซลลูเลสย่อยสลายสารประกอบเซลลูโลส |
|
แบคทีเรียผลิตกรดแลคติก |
|
|
|
|
วัสดุสำหรับผลิตสารป้องกันแมลงศัตรูพืช
(จำนวน 50 ลิตร) |
|
1. |
พืชสมุนไพร |
30 |
กิโลกรัม |
|
2. |
น้ำตาล |
10 |
กิโลกรัม |
3. |
น้ำ |
50 |
ลิตร |
4. |
สารเร่ง พด.7 |
1 |
ซอง (25 กรัม) |
|
|
|
ชนิดพืชสมุนไพร |
|
|
สมุนไพรที่ใช้ป้องกันพวกเพลี้ย
ได้แก่ ตะไคร้หอม หางไหล สาบเสือ หนอนตายหยาก บอระเพ็ด
กระทกรก และข่า เป็นต้น |
|
สมุนไพรป้องกันหนอนกระทู้
หนอนชอนใบ ได้แก่ ฟ้าทะลายโจร หางไหล ตะไคร้หอม เปลือกแค
สาบเสือ หนอนตายหยาก สะเดา ว่านเศรษฐี และว่านน้ำ เป็นต้น |
|
สมุนไพรที่ป้องกันและเป็นพิษต่อแมลงวันทอง
ได้แก่ หมาก เมล็ดน้อยหน่า เมล็ดเงาะ ยาสูบ พริกไทยดำ
ขิง และพญาไร้ใบ |
|
สมุนไพรที่ใช้ไล่แมลงไม่ให้วางไข่
ได้แก่ คำแสด มะกรูด ตะไคร้ เมล็ดละหุ่ง มะนาว พริก
และพริกไทย เป็นต้น |
|
|
|
|
วิธีทำ |
|
1. |
สับพืชสมุนไพรให้เป็นชิ้นเล็ก
ทุบหรือตำให้แตก |
2. |
นำพืชสมุนไพรและน้ำตาลใส่ลงในถังหมักผสมคลุกเคล้าให้เข้ากัน |
3. |
ละลายสารเร่ง
พด.7 ในน้ำ 50 ลิตร ผสมให้เข้ากันนาน 5 นาที |
4. |
เทสารละลายสารเร่ง
พด.7 ใส่ลงในถังหมักคลุกเคล้าหรือคนให้ส่วนผสมเข้ากันอีกครั้ง |
5. |
ปิดฝาไม่ต้องสนิท
และตั้งไว้ในที่ร่มใช้ระยะเวลาในการหมัก 20 วัน |
|
|
|
|
การพิจารณาลักษณะที่ดีทางกายภาพในระหว่างการหมักเพื่อผลิตสารป้องกันแมลงศัตรูพืช |
|
การเจริญของจุลินทรีย์ |
- |
เกิดฝ้าของเชื้อจุลินทรีย์เจริญเต็มผิวหน้า
หลังจากการหมัก 1-3 วัน |
การเกิดฟองก๊าซ
CO2 |
- |
มีฟองก๊าซเกิดขึ้นบนผิวและใต้ผิววัสดุหมัก |
การเกิดกลิ่นแอลกอฮอล์ |
- |
ได้กลิ่นแอลกอฮอล์ฉุนมาก |
ความใสของสารละลาย |
- |
เป็นของเหลวใสและมีสีเข้ม |
|
|
|
|
การพิจารณาสารป้องกันแมลงศัตรูพืชที่สมบูรณ์แล้ว |
|
|
การเจริญของจุลินทรีย์ลดลง |
|
กลิ่นแอลกอฮอล์ลดลง |
|
กลิ่นเปรี้ยวเพิ่มสูงขึ้น |
|
ไม่ปรากฎฟองก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
(CO2) |
|
ความเป็นกรดเป็นด่างของสารป้องกันแมลงศัตรูพืชมี
pH ต่ำกว่า 4 |
|
|
|
คุณสมบัติของสารป้องกันแมลงศัตรูพืช |
|
1. |
มีสารออกฤทธิ์ที่สกัดได้จากสมุนไพรชนิดต่าง
ๆ เช่น สารอะซาดิแรคตินA , สารโรติโนน , pinene , neptha
, quinone , geraniol citronellal , limonene และ phellandrene
เป็นต้น |
2. |
มีสารพวก repellant
สามารถไล่แมลงชนิดต่าง ๆ เช่น alkaloid , glycoside
, saponin , gum , essential oil , tannin และ steroid
เป็นต้น |
3. |
มีกรดอินทรีย์หลายชนิด
เช่น กรดแลคติก กรดอะซีติก กรดฟอร์มิก และกรดอะมิโน
เป็นต้น |
4. |
มีฮอร์โมนหลายชนิด
เช่น ออกซิน ไซโตไคนิน โดยเฉพาะจิบเบอร์เรลลิน |
5. |
มีความเป็นกรดเป็นด่างระหว่าง
3 - 4 |
|
|
|
อัตราการใช้ |
|
|
สารป้องกันแมลงศัตรูพืช
สำหรับพืชไร่ และไม้ผล |
: |
น้ำเท่ากับ
1:200 |
|
สารป้องกันแมลงศัตรูพืช
สำหรับพืชผัก และไม้ดอก |
: |
น้ำเท่ากับ 1:500 |
|
|
|
|
วิธีการใช้ |
|
|
สารป้องกันแมลงศัตรูพืชที่เจือจางแล้วอัตรา
50 ลิตร ต่อไร่ สำหรับใช้ในพืชไร่ พืชผัก และไม้ดอก |
|
สารป้องกันแมลงศัตรูพืชที่เจือจางแล้วอัตรา
100 ลิตร ต่อไร่ สำหรับใช้ในไม้ผล |
|
โดยฉีดพ่นที่ใบ
ลำต้น และรดลงดินทุก 20 วัน หรือในช่วงที่มีแมลงศัตรูพืชระบาดให้ฉีดพ่นทุก
ๆ 3 วัน ติดต่อกัน 3 ครั้ง |
|
|
|
ประโยชน์ของสารเร่ง
พด.7 |
ป้องกันแมลงศัตรูพืช
เช่น เพลี้ยต่าง ๆ หนอนเจาะผลและลำต้น หนอนใยผัก หนอนชอนใบ
หนอนคืบ หนอนกระทู้ หนอนกอ ไรแดง และแมลงหวี่ เป็นต้น |
|